- 21:00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 9 ประเทศสายการเตอร์กิซแอร์ไลน์ (TK) แถว U23:30 น. ออกเดินทางสู่เมืองโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย โดยเที่ยวบินที่ TK069 (2330-0535+1) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองอิสตันบูล (ใช้เวลาบิน 10.05 ชม.)
ทัวร์บัลแกเรียทัวร์ประสบการณ์ใหม่ๆไปสัมผัสรสชาติ.....โยเกิร์ตยี่ห้อ "บัลแกเรีย"ที่ผ่านจอทีวีเมื่อไม่นานมานี้ จุดประกายให้หลายคนเกิดความสนใจในประเทศนี้ขึ้นมา บัลแกเรีย หรือ The Republic of Bulgaria ประเทศที่เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ แหล่งกำเนิดอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป จากหลักฐานการค้นพบสมบัติ เครื่องประดับทองที่เมืองวาร์นา และยังได้รับอิทธิพลทางอารยธรรมระหว่างทราเซียนและอารยธรรมกรีกในช่วงศตวรรษที่ 6-2 ก่อนคริสตกาล ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และไบเซนไทน์ จึงได้รับอิทธิพลของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอด็อกซ์ บัลแกเรียได้มีการพัฒนาวัฒนธรรมและรักษาประเพณีของพวกเขาที่สืบทอดมานานนับพันปี ชาวบัลแกเรียจึงมีความภาคภูมิใจในวรรณคดี ศิลปะ สถาปัตยกรรมและการมีส่วนร่วมในการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ปฏิทินของบัลแกเรียจึงบรรจุเต็มไปด้วยงานเทศกาล ระดับชาติและนานาชาติมากมาย
-
Day 1กรุงเทพฯ - อิสตันบูล
-
Day 2อิสตันบูล - โซเฟีย
- 05.35 ถึงสนามบินอิสตันบูล เปลี่ยนเครื่อง07.30 ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1027 (0730-0845)08.45 เดินทางถึงสนามบินโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย (ตามเวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 4 ช.ม.) นำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำท่านชมเมืองโซเฟีย เมืองเก่าแก่กว่า 8500 ปี ตั้งอยู่บนทางแยกที่สำคัญระหว่างเอเชียไมเนอร์และยุโรป จึงคละเคล้าไปด้วยโบราณสถานที่สวยงาม อนุเสาวรีย์ของโซเฟียเป็นที่แสดงให้เห็นว่า เมืองโซเฟียมีวัฒนธรรมและอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง เมืองที่สวยงามบนทางที่จะเติบโตไปทางวัฒนธรรมแบบยุโรปเมืองใหญ่และทันสมัย โซเฟียเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวทราเชียน หรือเรียกว่า Serdica หรือ Sardia เป็นเผ่าที่เกิดขึ้นหลังยุคเซลติก ในช่วงศตวรรษที่ 4 BC ชาว Serdica ถูกครอบครองโดย กษัติรย์ฟิลิปแห่งมาเซโดเนีย และลูกชายของฟิลิป คืออเล็กซานเดอร์มหาราช นำท่านชมซากป้อมปราการเก่าทางฝั่งตะวันตก The ancient Serdica Fortifications ที่สร้างระหว่างศตวรรษที่ 5-3 BCชมมหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) ผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกชาวรัสเซีย Pomerantzev สร้างในปี 1912 ซึ่งถือเป็นมหาวิหารคริสตจักรนิกายออร์โธด๊อกซ์ที่ใหญ่ที่สุดๆ ของภูมิภาคคาบสมุทรบอลข่าน มหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี เป็นมหาวิหารที่การก่อสร้างในแบบโดมหลังคาทรงกลมสีเขียว ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่วิจิตรตระการตา การก่อสร้างเป็นศิลปแบบยุคก่อนไบเซนไทน์จากนั้นไปชม โบสถ์เซนต์ โซเฟีย (The Saint Sofia Church) ซึ่งเป็นโบสถ์คริสตจักรที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่มีความสวยงาม และยังได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับสามในทวีปยุโรป จากนั้นเดินทางไปบริเวณจัตุรัสแบทเทินเบิร์ก (Battenburg Square) เพื่อชม อาคารพระราชวังหลวง(Royal Palace) ซึ่งปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ ได้ใช้เป็นเป็นหอศิลป์แห่งชาติ (National Art Gallery) และพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาผ่านชม อาคารธนาคารแห่งชาติบัลแกเรีย ย่านโรงละครแห่งชาติซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกจากกรุงเวียนนา Helmer & Felmer เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างนีโคคลาสสิกกับซีเซสชั่น (Neo-classic and Secession Style), อาคารทำเนียบรัฐบาล (1884-1886), มหาวิทยาลัยโซเฟียชมมัสยิดบันยาบาชิ (Banya Bashi Mosque) สร้างในปี ค.ศ. 1566-1567 ในช่วงจักรวรรดิออตโตมาน โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง Minar Sinan เดิมออกแบบสร้างเพื่อให้เป็นสปาธรรมชาติ เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ใกล้ๆ ผนัง ปัจจุบันเป็นมัสยิดแห่งเดียวในยุคออตโตมานที่ยังคงทำหน้าที่สำหรับชาวมุสลิมในเมืองโซเฟียกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum)ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1973 เพื่อเป็นการระลึกถึงประวัติศาสตร์บัลแกเรียกว่า 1300 ปี เป็นที่จัด แสดงสมบัติอันล้ำค่า เครื่องประดับทองคำโบราณตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาล 4,600-4,200 ปี ที่ค้นพบในบัลแกเรีย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังชานเมืองโซเฟียเพื่อชมโบสถ์โบยานา (Boyana Church) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10-13 ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดในปี ค.ศ.1259 เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงความรุ่งเรืองของครสตจักรนิกายออร์โธด๊อกซ์ในยุคกลาง และยังคงเก็บรักษาภาพ ฝาผนังไว้ได้จนถึงปัจจุบัน โบสถ์โบยานาได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Central Park Hotel หรือเทียบเท่า ในเมืองโซเฟียhttp://www.centralparkhotel.bg --(1)
-
Day 3โซเฟีย - อารามริลา (Rila Monastery) – พลอฟ
- เช้า รับประทานอาหารเช้าออกเดินทางไป นำท่านไปชมอารามริลา (Rila Monastery) ตั้งอยู่บนเขาริลา (ระยะทางประมาณ 123 กม. ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)อารามริลาก่อตั้งในช่วงศต.ที่ 10 โดยนักบุญจอนห์แห่งริลา (St.John of Rila) แห่งนิกายออโธดอกซ์ ผู้ใช้ชีวิต อย่างสันโดษและเรียบง่ายในถ้ำที่ไม่ไกลจากอารามนัก หลังจากอารามสร้างโดยความร่วมมือของผู้ใฝ่เรียน ที่ เดินทางมาจากแดนไกลเพื่อศึกษาหาความรู้ ต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ ของสังคมบัลแกเรียในยุคกลาง เป็นจุดหมายของคริสต์ศาสนิกชนนิกายออโธด๊อกซ์ในการมาแสวงบุญ รวมถึง นักบุญเซนต์อิวาน ริลสกี ซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้เรื่องการกดขี่ทางชาติพันธ์ในสมัยการยึดครองของออตโตมัน เติร์ก อารามเคยถูกไฟไหม้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยได้รับการสนันสนุนจาก ซาร์แห่งโซเวียต ระหว่าง 1834-1862 สถาปัตยกรรมเป็นศิลปะ สมัยบัลแกเรียน-เรเนสซองส์ เป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความ มั่งคั่งในยุคนั้น ตัวอาคารหลักขนาดใหญ่ทำด้วยทองคำแท้ แห่งเดียวในบัลแกเรีย และเป็นแหล่งสะสมทรัพย์สมบัติและ วรรณกรรมอายุกว่าร้อยปีจำนวนมาก อารามริลาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการตะหนักถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมสลาวิค (Slavic) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี 1983 (ห้ามนำกล้องและวิดีโอเข้าไปในอาคารหลัก)กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันเดินทางไปยังเมือง พลอฟ ประมาณ 195 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.พลอฟเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของบัลแกเรีย รองจากโซเฟีย อดีตเมืองหลวงเก่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำมาริสสา บริเวณเนินเขาเจ็ดลูกที่มีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ทราเซียน เมืองเคยถูกเจ้าชายฟิลิป,กษัตริย์แห่งมาเซโดเนียพิชิตได้และปกครองในปี 432 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ฟิลิปได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งมีการซ่อมแซมป้อมปราการและหอคอยของชาวทราเชียนเดิม และตั้งชื่อเมืองใหม่ตามชื่อของตนว่า ฟิลิปโปโปลิส (Philippopolis) นอกจากนี้พลอฟได้ผ่านการอยู่ภายใต้ปกครองของโรมัน สลาฟ และมาถูกทำลายโดยพวกฮั่น (Huns = กลุ่มคนเร่ร่อน) พลอฟเคยถูกปกครองโดยพวกเติร์ก จึงมีร่องรอยของอารยธรรมและสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันหลงเหลือให้ชมค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่ โรงแรม Trimontium Princess 4* หรือเทียบเท่า ในเมืองพลอฟ www.bgprincess.com --(2)
-
Day 4พลอฟ - คาซานรัค (Kazanlak) - เวลีโก ทาร์โนโว (Veliko Tarnovo)
- เช้า รับประทานอาหารเช้านำท่านชมเมืองเก่าพลอฟที่สร้างโดยกษัตริย์ฟิลิปแห่งมาเซโดเนีย ศต.ที่ 4 BC ชมโบสถ์เซนต์คอนสแตนติน และ เซนต์เฮเลนา ที่สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.337 จัดเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองพลอฟ โดยตั้งชื่อตามชื่อของจักรพรรดิคอนสแตนตินและพระมารดาเฮเลนา โบสถ์เคยถูกทำลายหลายครั้งและก็สร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงหลายปี จนกระทั่งปี 1832 โดยความร่วมมือของชาวเมืองท้องถิ่นได้ร่วมกันบูรณะขึ้นมาใหม่ ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ฟื้นฟูขึ้นโดยจิตรกรแห่งชาตินามว่า Zahari Zograf ที่รับใช้งานบูรณะโบสถ์ในช่วงปี 1836-1840จากนั้นชม สนามกีฬาโรมัน อัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบ 3 หมื่นคน (โดยกฎของโรมันการสร้างสนามกีฬาหรือโรงละครต้องสร้างให้มีความจุได้ครึ่งหนึ่งของประชากร นั่นแสดงว่าในยุคโรมันเมืองนี้มีประชากรเกือบ 6 หมื่นคน) ชมโรงละครกลางแจ้ง (Roman Amphitheatre) สภาโรมัน (Roman Forum) กำแพงเมืองเก่า ซากป้อมปราการแอสเซ่น สร้างในรูปสมัยศตวรรษที่ 14 ยุคสมัยไบเซนไทน์ (Assen's Fortress)ออกเดินทางกลับเข้าสู่ภาคกลางของประเทศบัลแกเรีย สู่เมืองคาซานรัค (Kanzanlak) (ระยะทาง 218 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2.30 ชม. ชมสถานที่ที่เราจะมาร่วมงานเทศกาลกุหลาบในงานวันประจำปี ณ หุบเขา แห่งทุ่งกุหลาบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นเมืองที่มีการปลูกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบัลแกเรีย ดอกกุหลายจึงเป็น ดั่งสัญลักษณ์ของเมือง เมืองคาซานลักตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาบอลข่านทางฝั่งตะวันออก เป็นเมืองศูนย์กลาง ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในบัลแกเรีย และเป็นศูนย์กลางในการสกัดและผลิตน้ำมันดอกกุหลาบที่ใหญ่เป็น อันดับสองของโลกผลผลิตที่ได้ส่งออกไปให้โรงงานผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางค์ในต่างประเทศแถบยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา น้ำมันดอกกุหลาบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงปัจจุบัน ดอกกุหลาบจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศบัลแกเรียนำท่านเข้าร่วมชมเทศกาลประจำปีแห่งคาซานลัก คือ เทศกาลดอกกุหลาบ ( Rose Festival )ที่มีชื่อเสียง เทศกาลจะจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน เป็นงานที่จัดขึ้นมาเพื่อความรื่นเริง บันเทิงสนุกสนานให้กับชาวคานซานลัก โดยในงานจะมีขบวนพาเหรด เดิน โปรยดอกกุหลาบ ประกวดสาวสวยแห่งคาซาน ลักที่ร่วมใส่ชุดพื้นเมืองมาร่วมงานและมงกุฎดอก กุหลาบ พิธีกรรมการการแสดงแบบดั้งเดิมที่ให้ความรู้สึกที่แท้จริงของการเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบเต้นรำแบบดั้งเดิมในทุ่งดอกกุหลาบนอกนั้นท่ายังได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นจากท้องถิ่น ชมการแสดงดนตรีโฟลค การแสดง นิทรรศการ ชิมไวน์ เป็นต้นนำท่านไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในคาซานลักที่เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาดอกกุหลาบ หมู่บ้านทรานนิช (Tarnichene) เป็นหนึ่งในที่ที่ปลูกดอกกุลาบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปก็ว่าได้ คุณจะได้เรียนรู้กรรมวิธีการทำน้ำมันดอกกุหลาบ ซึ่งเป็น แห่งแรกในยุโรปในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ กระบวนการผลิตและคุณภาพของน้ำมันดอกกุหลาบที่มีชื่อเสียงของ บัลแกเรีย และชมทุ่งดอกกุหลาบ นอกจากนั้นท่านสามาถที่จะซื้อ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบหรือลาเวนเดอร์ในรูปแบบต่างๆมากมายที่ เป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศที่มีชื่อ ของคาซานลักจากนั้นนำท่านชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่หลุมฝังศพของกษัตริย์ทราเชียน (The Thracian Kings Tomb) ย้อนไปในศต.ที่ 4 ก่อน BC ภาพแสดงถึงพิธีกรรมการฉลองงานต่างๆ ถือเป็นจิตรกรรมภาพเขียนสีในยุคเฮเลนิสติกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และอยู่ในการคุ้มครองขององค์กรยูเนสโก้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1979กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันเดินทางต่อไปยังเมืองเวลีโกทาร์โนโว ระหว่างทางแวะชม Shipka Memorial Church ห่างจากคาซานลัคแค่ 12 กม. เข้าสู่บริเวณยอดเขาบอลข่าน (Balkan Mountains) เรียกชื่อตามคาบสมุทรบอลข่าน ผ่านทาง Shipka Pass สูง 1,150 เมตร ซึ่งเคยเป็นสถานที่ทำสงครามระหว่ารัสเซียกับตุรกีในปี ค.ศ. 1877-1878 ที่มีอนุสาวรีย์ระลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงคราม จากนั้นเดินทางสู่เมืองพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เอทารา (Open air craft museum Etara) ที่เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1963 ยุคฟื้นฟูบัลแกเรีย ชมบ้านเรือนสองชั้นที่เป็นเอกลักษณ์ หอนาฬิกา รวมถึงร้านค้าขายของที่ระลึก งานศิลปหัตถกรรม การแกะสลัก ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ เดินทางต่อไปยังเมืองเวลีโก ทาร์โนโว (Veliko Tarnovo) เมืองประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรแห่งที่สองของ บัลแกเรีย ดินแดนที่มีการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในบัลแกเรียตั้งแต่ยุคกลางมีการสร้างป้อมปราการที่มีความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันข้าศึก ตั้งอยู่บนเนินเขาถึงสามลูก ซึ่งได้แก่ Tsarevets , Trapezitsa และ Sveta Gora ด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้าน เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของบัลแกเรียตอนเหนือ ซึ่งปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ให้มาชื่นชมสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของโลกยุคโบราณค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Hotel Yantra 4* หรือเทียบเท่า ในเมืองเวลีโกฯ --(3)
-
Day 5เวลีโก ทาร์โนโว - อาร์บานาสซี (Arbanassi) - เวลีโก ทาร์โนโว
- เช้า รับประทานอาหารเช้าชมเมือง เวลีโก ทาร์โนโว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1186 หลังสองทศวรรษภายใต้การปกครองของจักรวรรดิไบเซนไทน์เวลีโกทาร์โนโว กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านการเมืองการปกครอง รวมถึงศูนย์รวมทางศาสนาและ วัฒนธรรมของบัลแกเรียตลอดมา เสมือนพระเจ้าทานอฟ เทพราชินี แห่งเมืองได้ปกป้องเมืองแห่งนี้ไว้นำท่านเดินชมเมืองเก่าไปตามถนน Winding Cobble Street คนจะ รู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจของผู้คนที่สามารถอยู่รอดได้ภายใต้การ กดขี่ของตุรกี (ทัวร์เดิน ประมาณ 45 นาที)ชมซากปราสาทซาเรเวทส์ (Tsarevets Fortress) เป็นป้อม ปราการและพระราชวังที่แข็งแกร่งในยุคจักรวรรดิบัลแกเรีย (ยุคกลาง) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาซาเรเวทส์ (Tsarevets Hill) (1185-1393) ด้วยกำแพงที่หนากว่า 3 เมตร ประตูทางเข้า 3 ทาง มีหอคอยบอลด์วินทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีพระราชวังตั้งอยู่ตรงกลาง ที่มีกำแพงปิดล้อมอีกชั้นหนึ่ง ภายในกำแพงเมืองเต็มไปที่อยู่อาศัยของช่างฝีมือและสถานที่ฝึกอบรมช่างฝีมือ เพื่อรับใช้งานทางคริสตจักรกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำชมหมู่บ้านอบานาสซี (Village of Arbanassi) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเวลีโก หมู่บ้านที่แสดงถึงสถาปัตยกรรม ฟื้นฟูของบัลแกเรียแห่งชาติ ชมโบถส์ในยุคศตวรรษที่ 16-17 และบ้านเก่าแก่ Konstantsaliev House.เดินทางกลับค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Hotel Yantra 4* หรือเทียบเท่า ในเมืองเวลีโกฯ --(4)
-
Day 6เวลีโก ทาร์โนโว - รอสซ (Rousse) - บูคาเรสต์ (ประเทศโรมาเนีย)
- เช้า รับประทานอาหารที่โรงแรมออกเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือของบัลแกเรีย เมืองรอสซ (ใช้เวลา ประมาณ 1.30 ชม.)นำท่านไปชมโบสถ์หิน (The Rock Churches) ใกล้หมู่บ้าน Ivanovo มีอายุกว่า 700 สกัดจากภูเขาหินให้ เป็นที่อยู่อาศัยของ พระสงฆ์ของคริสตจักรในยุคศตวรรษที่ 13-14 ซึ่งยังอยู่ในช่วงปลายการปกครองของ จักรวรรดิออตโตมันเติร์กอารามอันสลับซับซ้อนนี้เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังของศิลปะบัลแกเรียในยุค กลาง The Rock Churches ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อด้วยชมอาราม Arapovo Monastery เป็นอารามในคริสตจักร์บัลแกเรียออโธด็อกส์ เริ่มก่อสร้าง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1856 อุทิศให้แก่นักบุญ Nedelya เป็นอารามที่แข็งแกร่งสร้างดิวยหินขนาดใหญ่ มีตัวอารามหลัก หอคอยไว้บอกเหตุป้องกันภัย อาคารบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้นจากนั้นเดินทางไปเมืองรอสซ นำท่านเดินสำรวจเมืองรอสซกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ระยะทางประมาณ 75 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 ชมนำท่านชม กรุงบูคาเรสต์ (BUCHAREST) เมืองหลวงของประเทศโรมาเนียที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีผู้อยู่อาศัยมาก่อนหน้านี้ แต่ปรากฎชื่อบูคาเรสต์มาตั้งแต่สมัย ศต.ที่ 14 ในยุคกลางซึ่งระบุถึงเจ้าชาย Vlad Impaler แห่งโรมาเนีย ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครแดรกคิวล่าในเวลาต่อมา เริ่มต้นที่ Union Square ศูนย์กลางของบูคาเรสต์ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ด้วยอาคารอันใหญ่โตจนกลายเป็นสัญญลักษณ์ของบูคาเรสต์ ชมโบถส์โรมาเนีย Patriarchal Church นิกายออธอด๊อกซ์ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า อีกฟากฝั่งของแม่น้ำ Dimbovitza ชม Palace of Justice นำท่านเข้าชม อาคารรัฐสภา หรือ ทำเนียบประธานาธิบดี ของประเทศโรมาเนีย (PALACE OF PALIAMENT) ทำเนียบประธานาธิบดีที่ใหญ่โตโอฬารของอดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการ นิโคไล เชาเชสคู และนางเอลินา ภริยาผู้ซึ่งอยากมีชีวิตหรูหราประหนึ่งเอวิต้า เปรอง โดยทำเนียบประธานาธิบดีแห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็น อาคารรัฐสภานี้ได้ชื่อว่ามี ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากตึกเพนตากอนของสหรัฐอเมริกา และมีจำนวนห้องมากถึง 2,000 ห้อง ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี โดยใช้สถาปนิกถึง 700 คน และแรงงานถึง 30,000 คน โดยสร้างแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนียทั้งโครงสร้าง และการตกแต่งทั้งภายนอก และภายในอาคาร ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา แต่ละห้องของอาคารจะมีรูปแบบการตกแต่งเฉพาะตัว โทนสีของห้อง สีผ้าม่านและวัสดุตกแต่งจะมีลักษณะกลมกลืนกัน พรมที่ใช้ปูพื้นในอาคารก็มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งช่างฝีมือจะถักทอกันจนเสร็จเป็นผืนใหญ่มีขนาดรวมกันถึง 54 ตัน โดยเฉพาะห้องแกรนด์บอลลูม ที่ได้มีการตกแต่งโคมไฟประดับโบฮีเมีย น้ำหนักถึง 5 ตัน ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ และชมห้องรับรองสร้างจากหินอ่อนจากเมืองคาราร่า ประเทศอิตาลี ที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่งค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Capital Plaza 4* หรือเทียบเท่า บูคาเรสต์ --(5)
-
Day 7บูคาเรสต์ - วิหารโคเซีย - ซีบิว เมืองมรดกโลก - โบสถ์ซีบิว
- เช้า รับประทานอาหารที่โรงแรมนำท่านเดินทางไปยัง เมืองโคเซีย (COZIA) (205 กม / ประมาณ 3 ชม)นำท่านชม วิหารโคเซีย (COZIA MONASTERY) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโอล์ตในแคว้นวัลลาเชีย แวดล้อมด้วยธรรมชาติสวยงามของป่าเขา วิหารสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1387 หนึ่งในวิหารสวยงามสิ่งก่อสร้างโดยปู่ของเจ้าชายวลาด เทเปส หรือ แดร็กคูล่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามอลังการ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูและนักบุญในคริสต์ศาสนา ถือเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกและยังเป็นที่เก็บสะสมงานศิลป์และวัตถุโบราณล้ำค่า ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้คงใช้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์และศาสนกิจของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซีบิว (SIBIU) (55 กม / 50 นาที) เมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย อยู่ระหว่างเทือกเขาทรานซิลวาเนียไปและโอล์ต แวเลย์ นำท่านเดินชมเมืองซีบิว เมืองซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ เมื่อ ปี 2004 และในปี ค.ศ.2007 เมืองซีบิวได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป ติดอันดับสถานที่ที่งดงามที่สุดของยุโรป และเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของโรมาเนีย ชมบ้านเรือนที่มีความโดดเด่นสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมเยอรมันที่มีสีสันสวยงามดั่งเมืองตุ๊กตา เข้าชม โบสถ์ซีบิว (SIBIU’S EVANGELICAL CATHEDRAL) โบสถ์เก่าแก่กลางเมืองที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1320 จนแล้วเสร็จในปี 1520 เป็นสถาปัตยกรรมโคธิคตามแบบของเยอรมันผสมผสานกับศิลปะดั้งเดิมของโรมาเนีย ตัวโบสถ์มียอดแหลม 5 ยอด ยอดที่สูงสุดวัดได้ คือ 74 เมตร ในอดีตเคยเป็นที่กักขังและฝังศพบุตรชายของเจ้าชายวลาด เทเปส (ท่านแดร็กคูล่า)ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Hotel Parc 3* หรือเทียบเท่า --(6)
-
Day 8ซีบิว - ซีกิสวารา - พิพิธภัณฑ์หอนาฬิกา - บราซอฟ - โบสถ์ดำ
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมออกเดินทางสู่ เมืองซีกิสวารา (SIGHISOARA) (85 กม / 01.40 ชม) นำท่านเดินชมเมือง เข้าชมพิพิธภัณฑ์ หอนาฬิกา (CLOCK TOWER) ที่มีชื่อเสียง นำท่านชมแต่ละห้องภายในหอนาฬิกา ซึ่งใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมของมีค่าที่ขุดได้ภายในเมืองนี้ แล้วนำท่านขึ้นชมทัศนียภาพของเมืองซิกิสวาราจากยอดสูงสุดของหอนาฬิกา นำชม โบสถ์บนเนินเขา (THE CHURCH ON THE HILL) สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ฝังร่างที่ไร้ศีรษะของท่านเค้าท์แดร๊กคูร่า นำชมบ้านที่ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของท่านเค้าท์ในปี ค.ศ. 1431กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันเดินทางสู่ เมืองบราซอฟ (BRASOV) (120 กม/02.00 ชม) นำ ชมเมืองบราซอฟ เมืองใหญ่ที่สุดแห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย แคว้นที่สวยงามและมีชื่อเสียงของโรมาเนีย แคว้นนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยชาวแซกซอน ซึ่งเคยถูกปกครองโดยชนชาติเยอรมัน และเป็นศูนย์กลางการค้าของชาวแซกซอน อาคารโดยทั่วไปจึงตกแต่งตามสไตล์เยอรมัน นำท่านชม โรงเรียนแห่งแรกของประเทศโรมาเนีย (ROMANIAN FIRST SCHOOL)นำท่านชมย่านใจกลางเมือง และจัตุรัสกลางเมืองซึ่งมีหอนาฬิกาที่สวยงามสูงโดดเด่น แสดงเวลาให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมานำท่าน เข้าชมโบสถ์ดำ ที่มีชื่อเสียงหรือที่รู้จักในนาม "BLACK CHURCH" สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1383 ซึ่งจัดเป็นโบสถ์สถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนียจากนั้นนำชม ตลาดใหญ่ ใจกลางเมืองบราซอฟ "WALKING STREET" ตลาดนี้เป็นถนนระหว่างตึกขนาดใหญ่ยาวติดต่อกัน ข้าวของที่ขายมีมากมายหลายชนิด ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าหนัง เครื่องใช้ในบ้าน และโดยเฉพาะร้านหนังสือที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Aero Business Hotel 5* หรือเทียบเท่า --(7
-
Day 9บราซอฟ - บราน - ปราสาทแดร็กคูล่า - ซินายา - ปราสาทเพเลส - บูคาเรสต์
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมบริการอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองบราน (BRAN) (ระยะทาง 30 กม / ใช้เวลา 50 นาที) เมืองที่มีชื่อเสียงมากอีกเมืองหนึ่งของโรมาเนีย เมืองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของแวมไพร์นำท่านเข้าชม ปราสาทบราน (BRAN CASTLE) หรือที่รู้จักกันในนาม "ปราสาทแดร็กคูล่า" สร้างขึ้นในในศตวรรษที่ 14 เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอด สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมควบคุมเส้นทางการค้า และเก็บภาษีระหว่างแคว้นวาลันเซีย และแคว้นทรานซิลวาเนีย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซินายา (SINAIA) (57 กม / 50 นาที) เมืองสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาร์เปเทียน มีภูมิประเทศสวยงามจนได้รับฉายาว่าเป็น สวิสน้อยแห่งยุโรปตะวันออกนำชม ปราสาทเพเลส (PELES CASTLE) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ กลางป่าสนบนเทือกเขาคาร์เปเทียน เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโรมาเนีย สร้างขึ้นโดยกษัตริย์คาโรล ที่ 1 เพื่อใช้เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนปราสาทนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบเยอรมัน ภายในปราสาทตกแต่งหรูหราอลังการด้วยไม้แกะสลักเสลาลวดลายงดงามเป็นปราสาทที่รวบรวมงานศิลปะที่สวยงามมากมายจากประเทศต่างๆในยุโรป เช่น โคมไฟระย้าจากอิตาลี รูปภาพติดผนังจากฝรั่งเศส เป็นต้นกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นนำท่านเข้าสู่ กรุงบูคาเรสต์ (BUCHAREST) เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย (121 กม / 02.40 ชม.)18.00 น รับประทานอาหารเย็นมื้ออำลาโรมาเนีย19.30 น เดินทางถึงสนามบิน สนามบินโอโธเพนนี ประเทศโรมาเนีย21:50 น. สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK1030 (2145-2310) แวะเปลี่ยน เครื่องที่อิสตันบูล23:15 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ อิสตันบูล
-
Day 10อิสตันบูล - กรุงเทพฯ
- 00:40 น. เที่ยวบินที่ TK068 ออกเดินทางสู่กรุงเทพ (ใช้เวลาบิน 9.35 ชม.)14:15 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ