บัลแกเรีย-โรมาเนีย เทศกาลดอกกุหลาบ 10 วัน
ทัวร์
ยุโรป
ระยะเวลา
10 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
4-13 มิถุนายน 2563
Hilight

ทัวร์บัลแกเรียทัวร์ประสบการณ์ใหม่ๆไปสัมผัสรสชาติ.....โยเกิร์ตยี่ห้อ "บัลแกเรีย"ที่ผ่านจอทีวีเมื่อไม่นานมานี้ จุดประกายให้หลายคนเกิดความสนใจในประเทศนี้ขึ้นมา  บัลแกเรีย หรือ The Republic of Bulgaria ประเทศที่เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ แหล่งกำเนิดอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป จากหลักฐานการค้นพบสมบัติ เครื่องประดับทองที่เมืองวาร์นา และยังได้รับอิทธิพลทางอารยธรรมระหว่างทราเซียนและอารยธรรมกรีกในช่วงศตวรรษที่ 6-2 ก่อนคริสตกาล ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และไบเซนไทน์ จึงได้รับอิทธิพลของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอด็อกซ์ บัลแกเรียได้มีการพัฒนาวัฒนธรรมและรักษาประเพณีของพวกเขาที่สืบทอดมานานนับพันปี ชาวบัลแกเรียจึงมีความภาคภูมิใจในวรรณคดี ศิลปะ สถาปัตยกรรมและการมีส่วนร่วมในการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ปฏิทินของบัลแกเรียจึงบรรจุเต็มไปด้วยงานเทศกาล ระดับชาติและนานาชาติมากมาย 

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ - อิสตันบูล
    • 21:00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 9 ประเทศสายการเตอร์กิซแอร์ไลน์ (TK) แถว U 
      23:30 น. ออกเดินทางสู่เมืองโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย โดยเที่ยวบินที่ TK069 (2330-0535+1) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองอิสตันบูล (ใช้เวลาบิน 10.05 ชม.) 
  • Day 2
    อิสตันบูล - โซเฟีย
    • 05.35 ถึงสนามบินอิสตันบูล เปลี่ยนเครื่อง
      07.30 ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1027 (0730-0845) 
      08.45 เดินทางถึงสนามบินโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย (ตามเวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 4 ช.ม.)  นำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่น 
      นำท่านชมเมืองโซเฟีย  เมืองเก่าแก่กว่า 8500 ปี ตั้งอยู่บนทางแยกที่สำคัญระหว่างเอเชียไมเนอร์และยุโรป จึงคละเคล้าไปด้วยโบราณสถานที่สวยงาม อนุเสาวรีย์ของโซเฟียเป็นที่แสดงให้เห็นว่า เมืองโซเฟียมีวัฒนธรรมและอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง เมืองที่สวยงามบนทางที่จะเติบโตไปทางวัฒนธรรมแบบยุโรปเมืองใหญ่และทันสมัย โซเฟียเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวทราเชียน หรือเรียกว่า Serdica หรือ Sardia เป็นเผ่าที่เกิดขึ้นหลังยุคเซลติก ในช่วงศตวรรษที่ 4 BC ชาว Serdica ถูกครอบครองโดย กษัติรย์ฟิลิปแห่งมาเซโดเนีย และลูกชายของฟิลิป คืออเล็กซานเดอร์มหาราช นำท่านชมซากป้อมปราการเก่าทางฝั่งตะวันตก The ancient Serdica Fortifications  ที่สร้างระหว่างศตวรรษที่ 5-3 BC 
      ชมมหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) ผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกชาวรัสเซีย Pomerantzev สร้างในปี 1912 ซึ่งถือเป็นมหาวิหารคริสตจักรนิกายออร์โธด๊อกซ์ที่ใหญ่ที่สุดๆ ของภูมิภาคคาบสมุทรบอลข่าน มหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี เป็นมหาวิหารที่การก่อสร้างในแบบโดมหลังคาทรงกลมสีเขียว ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่วิจิตรตระการตา การก่อสร้างเป็นศิลปแบบยุคก่อนไบเซนไทน์
      จากนั้นไปชม โบสถ์เซนต์ โซเฟีย (The Saint Sofia Church) ซึ่งเป็นโบสถ์คริสตจักรที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่มีความสวยงาม และยังได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับสามในทวีปยุโรป จากนั้นเดินทางไปบริเวณจัตุรัสแบทเทินเบิร์ก (Battenburg Square) เพื่อชม อาคารพระราชวังหลวง(Royal Palace) ซึ่งปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ ได้ใช้เป็นเป็นหอศิลป์แห่งชาติ (National Art Gallery) และพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา
      ผ่านชม อาคารธนาคารแห่งชาติบัลแกเรีย ย่านโรงละครแห่งชาติซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกจากกรุงเวียนนา Helmer & Felmer เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างนีโคคลาสสิกกับซีเซสชั่น (Neo-classic and Secession Style), อาคารทำเนียบรัฐบาล (1884-1886), มหาวิทยาลัยโซเฟีย
      ชมมัสยิดบันยาบาชิ (Banya Bashi Mosque) สร้างในปี ค.ศ. 1566-1567 ในช่วงจักรวรรดิออตโตมาน โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง Minar Sinan เดิมออกแบบสร้างเพื่อให้เป็นสปาธรรมชาติ เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ใกล้ๆ ผนัง ปัจจุบันเป็นมัสยิดแห่งเดียวในยุคออตโตมานที่ยังคงทำหน้าที่สำหรับชาวมุสลิมในเมืองโซเฟีย
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      นำชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) 

      ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1973 เพื่อเป็นการระลึกถึงประวัติศาสตร์บัลแก
      เรียกว่า 1300 ปี เป็นที่จัด แสดงสมบัติอันล้ำค่า เครื่องประดับทองคำโบราณตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาล 4,600-4,200 ปี ที่ค้นพบในบัลแกเรีย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังชานเมืองโซเฟียเพื่อชมโบสถ์โบยานา  (Boyana Church) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10-13 ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดในปี ค.ศ.1259 เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงความรุ่งเรืองของครสตจักรนิกายออร์โธด๊อกซ์ในยุคกลาง และยังคงเก็บรักษาภาพ ฝาผนังไว้ได้จนถึงปัจจุบัน โบสถ์โบยานาได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม Central Park Hotel หรือเทียบเท่า ในเมืองโซเฟีย 
      http://www.centralparkhotel.bg  --(1)

  • Day 3
    โซเฟีย - อารามริลา (Rila Monastery) – พลอฟ
    • เช้า รับประทานอาหารเช้า
      ออกเดินทางไป นำท่านไปชมอารามริลา (Rila Monastery) ตั้งอยู่บนเขาริลา (ระยะทางประมาณ 123 กม. ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) 
      อารามริลาก่อตั้งในช่วงศต.ที่ 10 โดยนักบุญจอนห์แห่งริลา (St.John of Rila) แห่งนิกายออโธดอกซ์ ผู้ใช้ชีวิต อย่างสันโดษและเรียบง่ายในถ้ำที่ไม่ไกลจากอารามนัก หลังจากอารามสร้างโดยความร่วมมือของผู้ใฝ่เรียน ที่ เดินทางมาจากแดนไกลเพื่อศึกษาหาความรู้ ต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ ของสังคมบัลแกเรียในยุคกลาง เป็นจุดหมายของคริสต์ศาสนิกชนนิกายออโธด๊อกซ์ในการมาแสวงบุญ  รวมถึง นักบุญเซนต์อิวาน ริลสกี ซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้เรื่องการกดขี่ทางชาติพันธ์ในสมัยการยึดครองของออตโตมัน เติร์ก  อารามเคยถูกไฟไหม้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยได้รับการสนันสนุนจาก ซาร์แห่งโซเวียต ระหว่าง 1834-1862 สถาปัตยกรรมเป็นศิลปะ สมัยบัลแกเรียน-เรเนสซองส์ เป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความ มั่งคั่งในยุคนั้น ตัวอาคารหลักขนาดใหญ่ทำด้วยทองคำแท้ แห่งเดียวในบัลแกเรีย และเป็นแหล่งสะสมทรัพย์สมบัติและ วรรณกรรมอายุกว่าร้อยปีจำนวนมาก อารามริลาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการตะหนักถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมสลาวิค (Slavic)  ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี 1983   (ห้ามนำกล้องและวิดีโอเข้าไปในอาคารหลัก)
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน 
      เดินทางไปยังเมือง พลอฟ ประมาณ 195 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. 
      พลอฟเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของบัลแกเรีย รองจากโซเฟีย อดีตเมืองหลวงเก่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำมาริสสา บริเวณเนินเขาเจ็ดลูกที่มีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ทราเซียน เมืองเคยถูกเจ้าชายฟิลิป,กษัตริย์แห่งมาเซโดเนียพิชิตได้และปกครองในปี 432 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ฟิลิปได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งมีการซ่อมแซมป้อมปราการและหอคอยของชาว
      ทราเชียนเดิม และตั้งชื่อเมืองใหม่ตามชื่อของตนว่า ฟิลิปโปโปลิส (Philippopolis) นอกจากนี้พลอฟได้ผ่านการอยู่ภายใต้ปกครองของโรมัน สลาฟ และมาถูกทำลายโดยพวกฮั่น (Huns = กลุ่มคนเร่ร่อน)  พลอฟเคยถูกปกครองโดยพวกเติร์ก จึงมีร่องรอยของอารยธรรมและสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันหลงเหลือให้ชม 

      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่ โรงแรม Trimontium Princess  4* หรือเทียบเท่า ในเมืองพลอฟ  www.bgprincess.com  --(2)

  • Day 4
    พลอฟ - คาซานรัค (Kazanlak) - เวลีโก ทาร์โนโว (Veliko Tarnovo)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้า
      นำท่านชมเมืองเก่าพลอฟที่สร้างโดยกษัตริย์ฟิลิปแห่งมาเซโดเนีย ศต.ที่ 4 BC ชมโบสถ์เซนต์คอนสแตนติน และ เซนต์เฮเลนา ที่สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.337 จัดเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองพลอฟ โดยตั้งชื่อตามชื่อของจักรพรรดิคอนสแตนตินและพระมารดาเฮเลนา โบสถ์เคยถูกทำลายหลายครั้งและก็สร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงหลายปี จนกระทั่งปี 1832 โดยความร่วมมือของชาวเมืองท้องถิ่นได้ร่วมกันบูรณะขึ้นมาใหม่ ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ฟื้นฟูขึ้นโดยจิตรกรแห่งชาตินามว่า Zahari Zograf  ที่รับใช้งานบูรณะโบสถ์ในช่วงปี 1836-1840 
      จากนั้นชม สนามกีฬาโรมัน อัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบ 3 หมื่นคน (โดยกฎของโรมันการสร้างสนามกีฬาหรือโรงละครต้องสร้างให้มีความจุได้ครึ่งหนึ่งของประชากร นั่นแสดงว่าในยุคโรมันเมืองนี้มีประชากรเกือบ 6 หมื่นคน) ชมโรงละครกลางแจ้ง (Roman Amphitheatre) สภาโรมัน (Roman Forum) กำแพงเมืองเก่า ซากป้อมปราการแอสเซ่น สร้างในรูปสมัยศตวรรษที่ 14 ยุคสมัยไบเซนไทน์ (Assen's Fortress) 
      ออกเดินทางกลับเข้าสู่ภาคกลางของประเทศบัลแกเรีย สู่เมืองคาซานรัค (Kanzanlak)  (ระยะทาง 218 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2.30 ชม. ชมสถานที่ที่เราจะมาร่วมงานเทศกาลกุหลาบในงานวันประจำปี ณ หุบเขา แห่งทุ่งกุหลาบในวันรุ่งขึ้น  ซึ่งเป็นเมืองที่มีการปลูกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบัลแกเรีย ดอกกุหลายจึงเป็น ดั่งสัญลักษณ์ของเมือง เมืองคาซานลักตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาบอลข่านทางฝั่งตะวันออก เป็นเมืองศูนย์กลาง ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในบัลแกเรีย และเป็นศูนย์กลางในการสกัดและผลิตน้ำมันดอกกุหลาบที่ใหญ่เป็น อันดับสองของโลกผลผลิตที่ได้ส่งออกไปให้โรงงานผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางค์ในต่างประเทศแถบยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา น้ำมันดอกกุหลาบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงปัจจุบัน ดอกกุหลาบจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศบัลแกเรีย
      นำท่านเข้าร่วมชมเทศกาลประจำปีแห่งคาซานลัก คือ เทศกาลดอกกุหลาบ ( Rose Festival )ที่มีชื่อเสียง เทศกาลจะจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน เป็นงานที่จัดขึ้นมาเพื่อความรื่นเริง บันเทิงสนุกสนานให้กับชาวคานซานลัก โดยในงานจะมีขบวนพาเหรด เดิน โปรยดอกกุหลาบ ประกวดสาวสวยแห่งคาซาน ลักที่ร่วมใส่ชุดพื้นเมืองมาร่วมงานและมงกุฎดอก กุหลาบ พิธีกรรมการการแสดงแบบดั้งเดิมที่ให้
      ความรู้สึกที่แท้จริงของการเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบเต้นรำแบบดั้งเดิมในทุ่งดอกกุหลาบนอกนั้นท่ายังได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นจากท้องถิ่น ชมการแสดงดนตรีโฟลค การแสดง นิทรรศการ ชิมไวน์ เป็นต้น
      นำท่านไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในคาซานลักที่เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาดอกกุหลาบ หมู่บ้านทรานนิช (Tarnichene) เป็นหนึ่งในที่ที่ปลูกดอกกุลาบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปก็ว่าได้ คุณจะได้เรียนรู้กรรมวิธีการทำน้ำมันดอกกุหลาบ ซึ่งเป็น แห่งแรกในยุโรปในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ กระบวนการผลิตและคุณภาพของน้ำมันดอกกุหลาบที่มีชื่อเสียงของ บัลแกเรีย และชมทุ่งดอกกุหลาบ  นอกจากนั้นท่านสามาถที่จะซื้อ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบหรือลาเวนเดอร์ในรูปแบบต่างๆมากมายที่ เป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศที่มีชื่อ ของคาซานลัก
      จากนั้นนำท่านชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่หลุมฝังศพของกษัตริย์ทราเชียน (The Thracian Kings Tomb) ย้อนไปในศต.ที่ 4 ก่อน BC ภาพแสดงถึงพิธีกรรมการฉลองงานต่างๆ ถือเป็นจิตรกรรมภาพเขียนสีในยุคเฮเลนิสติกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และอยู่ในการคุ้มครองขององค์กรยูเนสโก้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1979 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      เดินทางต่อไปยังเมืองเวลีโกทาร์โนโว ระหว่างทางแวะชม Shipka Memorial Church  ห่างจากคาซานลัคแค่ 12 กม.  เข้าสู่บริเวณยอดเขาบอลข่าน (Balkan Mountains) เรียกชื่อตามคาบสมุทรบอลข่าน ผ่านทาง Shipka Pass สูง 1,150 เมตร ซึ่งเคยเป็นสถานที่ทำสงครามระหว่ารัสเซียกับตุรกีในปี ค.ศ. 1877-1878  ที่มีอนุสาวรีย์ระลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงคราม จากนั้นเดินทางสู่เมืองพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เอทารา (Open air craft museum Etara) ที่เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1963 ยุคฟื้นฟูบัลแกเรีย ชมบ้านเรือนสองชั้นที่เป็นเอกลักษณ์ หอนาฬิกา รวมถึงร้านค้าขายของที่ระลึก งานศิลปหัตถกรรม การแกะสลัก ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ เดินทางต่อไปยังเมืองเวลีโก ทาร์โนโว (Veliko Tarnovo) เมืองประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรแห่งที่สองของ บัลแกเรีย   ดินแดนที่มีการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในบัลแกเรียตั้งแต่ยุคกลางมีการสร้างป้อมปราการที่มีความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันข้าศึก ตั้งอยู่บนเนินเขาถึงสามลูก ซึ่งได้แก่ Tsarevets , Trapezitsa และ Sveta Gora ด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้าน เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของบัลแกเรียตอน
      เหนือ ซึ่งปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ให้มาชื่นชมสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของโลกยุคโบราณ 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม Hotel Yantra 4*  หรือเทียบเท่า ในเมืองเวลีโกฯ  --(3)
  • Day 5
    เวลีโก ทาร์โนโว - อาร์บานาสซี (Arbanassi) - เวลีโก ทาร์โนโว
    • เช้า รับประทานอาหารเช้า
      ชมเมือง เวลีโก ทาร์โนโว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1186 หลังสองทศวรรษภายใต้การปกครองของจักรวรรดิไบเซนไทน์ 
      เวลีโกทาร์โนโว กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านการเมืองการปกครอง รวมถึงศูนย์รวมทางศาสนาและ วัฒนธรรมของบัลแกเรียตลอดมา เสมือนพระเจ้าทานอฟ เทพราชินี แห่งเมืองได้ปกป้องเมืองแห่งนี้ไว้ 
      นำท่านเดินชมเมืองเก่าไปตามถนน Winding Cobble Street  คนจะ รู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจของผู้คนที่สามารถอยู่รอดได้ภายใต้การ กดขี่ของตุรกี (ทัวร์เดิน ประมาณ 45 นาที)
      ชมซากปราสาทซาเรเวทส์ (Tsarevets Fortress) เป็นป้อม ปราการและพระราชวังที่แข็งแกร่งในยุคจักรวรรดิบัลแกเรีย (ยุคกลาง) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาซาเรเวทส์ (Tsarevets Hill) (1185-1393) ด้วยกำแพงที่หนากว่า 3 เมตร ประตูทางเข้า 3 ทาง มีหอคอยบอลด์วินทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีพระราชวังตั้งอยู่ตรงกลาง ที่มีกำแพงปิดล้อมอีกชั้นหนึ่ง ภายในกำแพงเมืองเต็มไปที่อยู่อาศัยของช่างฝีมือและสถานที่ฝึกอบรมช่างฝีมือ เพื่อรับใช้งานทางคริสตจักร
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      นำชมหมู่บ้านอบานาสซี (Village of Arbanassi) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเวลีโก หมู่บ้านที่แสดงถึงสถาปัตยกรรม ฟื้นฟูของบัลแกเรียแห่งชาติ ชมโบถส์ในยุคศตวรรษที่ 16-17 และบ้านเก่าแก่ Konstantsaliev House.
      เดินทางกลับ
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม Hotel Yantra 4*  หรือเทียบเท่า ในเมืองเวลีโกฯ  --(4)

  • Day 6
    เวลีโก ทาร์โนโว - รอสซ (Rousse) - บูคาเรสต์ (ประเทศโรมาเนีย)
    • เช้า รับประทานอาหารที่โรงแรม
      ออกเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือของบัลแกเรีย เมืองรอสซ (ใช้เวลา ประมาณ 1.30 ชม.)  
      นำท่านไปชมโบสถ์หิน (The Rock Churches) ใกล้หมู่บ้าน Ivanovo มีอายุกว่า 700  สกัดจากภูเขาหินให้ เป็นที่อยู่อาศัยของ พระสงฆ์ของคริสตจักรในยุคศตวรรษที่ 13-14 ซึ่งยังอยู่ในช่วงปลายการปกครองของ จักรวรรดิออตโตมันเติร์กอารามอันสลับซับซ้อนนี้เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังของศิลปะบัลแกเรียในยุค กลาง The Rock Churches ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 
      ต่อด้วยชมอาราม Arapovo Monastery เป็นอารามในคริสตจักร์บัลแกเรียออโธด็อกส์ เริ่มก่อสร้าง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1856 อุทิศให้แก่นักบุญ Nedelya เป็นอารามที่แข็งแกร่งสร้างดิวยหินขนาดใหญ่ มีตัวอารามหลัก หอคอยไว้บอกเหตุป้องกันภัย อาคารบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น
      จากนั้นเดินทางไปเมืองรอสซ นำท่านเดินสำรวจเมืองรอสซ  
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ระยะทาง
      ประมาณ 75 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 ชม
      นำท่านชม กรุงบูคาเรสต์ (BUCHAREST) เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย 
      ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีผู้อยู่อาศัยมาก่อนหน้านี้ แต่ปรากฎชื่อบูคาเรสต์มาตั้งแต่สมัย ศต.ที่ 14 ในยุคกลางซึ่งระบุถึงเจ้าชาย Vlad Impaler แห่งโรมาเนีย ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครแดรกคิวล่าในเวลาต่อมา เริ่มต้นที่ Union Square ศูนย์กลางของบูคาเรสต์ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ด้วยอาคารอันใหญ่โตจนกลายเป็นสัญญลักษณ์ของบูคาเรสต์  ชมโบถส์โรมาเนีย Patriarchal  Church นิกายออธอด๊อกซ์  ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า  อีกฟากฝั่งของแม่น้ำ Dimbovitza ชม Palace of Justice นำท่านเข้าชม อาคารรัฐสภา หรือ ทำเนียบประธานาธิบดี ของประเทศโรมาเนีย (PALACE OF PALIAMENT) ทำเนียบประธานาธิบดีที่ใหญ่โตโอฬารของอดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการ นิโคไล เชาเชสคู และนางเอลินา ภริยาผู้ซึ่งอยากมีชีวิตหรูหราประหนึ่งเอวิต้า เปรอง โดยทำเนียบประธานาธิบดีแห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็น อาคารรัฐสภานี้ได้ชื่อว่ามี ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากตึกเพนตากอนของสหรัฐอเมริกา และมีจำนวนห้องมากถึง 2,000 ห้อง ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี โดยใช้สถาปนิกถึง 700 คน และแรงงานถึง 30,000 คน โดยสร้างแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนียทั้งโครงสร้าง และการตกแต่งทั้งภายนอก และภายในอาคาร ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา แต่ละห้องของอาคารจะมีรูปแบบการตกแต่งเฉพาะตัว โทนสีของห้อง สีผ้าม่านและวัสดุตกแต่งจะมีลักษณะกลมกลืนกัน พรมที่ใช้ปูพื้นในอาคารก็มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งช่างฝีมือจะถักทอกันจนเสร็จเป็นผืนใหญ่มีขนาดรวมกันถึง 54 ตัน โดยเฉพาะห้องแกรนด์บอลลูม ที่ได้มีการตกแต่งโคมไฟประดับโบฮีเมีย น้ำหนักถึง 5 ตัน ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ และชมห้องรับรองสร้างจากหินอ่อนจากเมืองคาราร่า ประเทศอิตาลี ที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม Capital Plaza 4* หรือเทียบเท่า  บูคาเรสต์ --(5)
  • Day 7
    บูคาเรสต์ - วิหารโคเซีย - ซีบิว เมืองมรดกโลก - โบสถ์ซีบิว
    • เช้า รับประทานอาหารที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางไปยัง เมืองโคเซีย (COZIA) (205 กม /  ประมาณ 3 ชม) 
      นำท่านชม วิหารโคเซีย (COZIA MONASTERY) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโอล์ตในแคว้นวัลลาเชีย แวดล้อมด้วยธรรมชาติสวยงามของป่าเขา วิหารสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1387 หนึ่งในวิหารสวยงามสิ่งก่อสร้างโดยปู่ของเจ้าชายวลาด เทเปส หรือ แดร็กคูล่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามอลังการ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูและนักบุญในคริสต์ศาสนา ถือเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกและยังเป็นที่เก็บสะสมงานศิลป์และวัตถุโบราณล้ำค่า ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้คงใช้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์และศาสนกิจของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซีบิว (SIBIU) (55 กม / 50 นาที) เมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งแคว้น
      ทรานซิลวาเนีย อยู่ระหว่างเทือกเขาทรานซิลวาเนียไปและโอล์ต แวเลย์ นำท่านเดินชมเมืองซีบิว เมืองซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ เมื่อ ปี 2004 และในปี ค.ศ.2007 เมืองซีบิวได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป ติดอันดับสถานที่ที่งดงามที่สุดของยุโรป และเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของโรมาเนีย ชมบ้านเรือนที่มีความโดดเด่นสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมเยอรมันที่มีสีสันสวยงามดั่งเมืองตุ๊กตา เข้าชม โบสถ์ซีบิว (SIBIU’S EVANGELICAL CATHEDRAL) โบสถ์เก่าแก่กลางเมืองที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1320 จนแล้วเสร็จในปี 1520 เป็นสถาปัตยกรรมโคธิคตามแบบของเยอรมันผสมผสานกับศิลปะดั้งเดิมของโรมาเนีย ตัวโบสถ์มียอดแหลม 5 ยอด ยอดที่สูงสุดวัดได้ คือ 74 เมตร ในอดีตเคยเป็นที่กักขังและฝังศพบุตรชายของเจ้าชายวลาด เทเปส (ท่านแดร็กคูล่า)
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม  Hotel Parc  3* หรือเทียบเท่า   --(6)

  • Day 8
    ซีบิว - ซีกิสวารา - พิพิธภัณฑ์หอนาฬิกา - บราซอฟ - โบสถ์ดำ
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม 
      ออกเดินทางสู่ เมืองซีกิสวารา (SIGHISOARA) (85 กม / 01.40 ชม) นำท่านเดินชมเมือง เข้าชมพิพิธภัณฑ์ หอนาฬิกา (CLOCK TOWER) ที่มีชื่อเสียง นำท่านชมแต่ละห้องภายในหอนาฬิกา ซึ่งใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมของมีค่าที่ขุดได้ภายในเมืองนี้ แล้วนำท่านขึ้นชมทัศนียภาพของเมืองซิกิสวาราจากยอดสูงสุดของหอนาฬิกา นำชม โบสถ์บนเนินเขา (THE CHURCH ON THE HILL) สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ฝังร่างที่ไร้ศีรษะของท่านเค้าท์แดร๊กคูร่า นำชมบ้านที่ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของท่านเค้าท์ในปี ค.ศ. 1431
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      เดินทางสู่ เมืองบราซอฟ (BRASOV) (120 กม/02.00 ชม) นำ ชมเมืองบราซอฟ เมืองใหญ่ที่สุดแห่งแคว้น
      ทรานซิลวาเนีย แคว้นที่สวยงามและมีชื่อเสียงของโรมาเนีย แคว้นนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยชาวแซกซอน ซึ่งเคยถูกปกครองโดยชนชาติเยอรมัน และเป็นศูนย์กลางการค้าของชาวแซกซอน อาคารโดยทั่วไปจึงตกแต่งตามสไตล์เยอรมัน นำท่านชม โรงเรียนแห่งแรกของประเทศโรมาเนีย (ROMANIAN FIRST SCHOOL) 
      นำท่านชมย่านใจกลางเมือง และจัตุรัสกลางเมืองซึ่งมีหอนาฬิกาที่สวยงามสูงโดดเด่น แสดงเวลาให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมา 
      นำท่าน เข้าชมโบสถ์ดำ ที่มีชื่อเสียงหรือที่รู้จักในนาม "BLACK CHURCH" สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1383 ซึ่งจัดเป็นโบสถ์สถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนีย 
      จากนั้นนำชม ตลาดใหญ่ ใจกลางเมืองบราซอฟ "WALKING STREET" ตลาดนี้เป็นถนนระหว่างตึกขนาดใหญ่ยาวติดต่อกัน ข้าวของที่ขายมีมากมายหลายชนิด ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าหนัง เครื่องใช้ในบ้าน และโดยเฉพาะร้านหนังสือที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      พักผ่อนที่โรงแรม  Aero Business Hotel 5* หรือเทียบเท่า  --(7
  • Day 9
    บราซอฟ - บราน - ปราสาทแดร็กคูล่า - ซินายา - ปราสาทเพเลส - บูคาเรสต์
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม 
      บริการอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองบราน (BRAN) (ระยะทาง 30 กม / ใช้เวลา 50 นาที) เมืองที่มีชื่อเสียงมากอีกเมืองหนึ่งของโรมาเนีย เมืองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของแวมไพร์ 
      นำท่านเข้าชม ปราสาทบราน (BRAN CASTLE) หรือที่รู้จักกันในนาม "ปราสาทแดร็กคูล่า" สร้างขึ้นในในศตวรรษที่ 14 เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอด สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมควบคุมเส้นทางการค้า และเก็บภาษีระหว่างแคว้นวาลันเซีย และแคว้นทรานซิลวาเนีย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองซินายา (SINAIA) (57 กม / 50 นาที) เมืองสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาร์เปเทียน มีภูมิประเทศสวยงามจนได้รับฉายาว่าเป็น สวิสน้อยแห่งยุโรปตะวันออก
      นำชม ปราสาทเพเลส (PELES CASTLE) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ กลางป่าสนบนเทือกเขาคาร์เปเทียน เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโรมาเนีย สร้างขึ้นโดยกษัตริย์คาโรล ที่ 1 เพื่อใช้เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนปราสาทนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบเยอรมัน ภายในปราสาทตกแต่งหรูหราอลังการด้วยไม้แกะสลักเสลาลวดลายงดงาม
      เป็นปราสาทที่รวบรวมงานศิลปะที่สวยงามมากมายจากประเทศต่างๆ 
      ในยุโรป เช่น โคมไฟระย้าจากอิตาลี รูปภาพติดผนังจากฝรั่งเศส เป็นต้น 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      จากนั้นนำท่านเข้าสู่ กรุงบูคาเรสต์ (BUCHAREST) เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย (121 กม / 02.40 ชม.)
      18.00 น รับประทานอาหารเย็นมื้ออำลาโรมาเนีย
      19.30 น เดินทางถึงสนามบิน สนามบินโอโธเพนนี ประเทศโรมาเนีย
      21:50 น. สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK1030 (2145-2310) แวะเปลี่ยน เครื่องที่อิสตันบูล 
      23:15 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ อิสตันบูล  

  • Day 10
    อิสตันบูล - กรุงเทพฯ
    • 00:40 น. เที่ยวบินที่ TK068 ออกเดินทางสู่กรุงเทพ    (ใช้เวลาบิน 9.35 ชม.)
      14:15 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

Top